10 สิ่งที่ควรรู้สำหรับคนสร้างบ้านหลังแรก

10 สิ่งที่ควรรู้สำหรับคนสร้างบ้านหลังแรก

       บ้านหลังแรก.. บ้านเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง การจะมีบ้านสักหนึ่งหลังจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะปัญหาเรื่องที่ดิน แบบบ้าน ปัญหาหลังการก่อสร้าง ซึ่งต้องคำนึงก่อนสร้างบ้าน โดยเฉพาะคนที่ต้องการปลูกสร้างเพื่ออยู่อาศัยที่ต้องอยู่กับบ้านไปนานๆ ดังนั้นก่อนการสร้างบ้าน ต้องเรียนรู้ 10 ข้อต่อไปนี้

  1. สำรวจทำเลที่ตั้งหรือที่ดินสำหรับปลูกสร้าง

พื้นที่ปลูกสร้างถือเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ของการสร้างบ้าน ผู้ปลูกสร้างบ้านเองควรคำนึงถึงความสะดวกสบายที่พื้นที่นั้นจะเอื้อประโยชน์และอำนวยความสะดวกให้มากที่สุด เช่น การเดินทางจากบ้านไปที่ทำงาน ไปสถานที่สำคัญต่างๆ การเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ และความปลอดภัยของย่านที่อยู่อาศัย รวมถึงเส้นทางเข้าออกบ้านซึ่งทางที่ดีควรมีมากกว่า 1 เส้นทาง หากมีที่ดินซึ่งพร้อมจะปลูกสร้างบ้านอยู่แล้ว ข้อแรกที่ต้องรู้ก็คือทำเลของบ้าน ควรรู้ทิศทางของลมและแสงแดด เพื่อวางแผนปลูกสร้างบ้านในตำแหน่งหรือทำเลที่เหมาะสม

  1. สภาพพื้นที่

การวางทิศทางแสงแดด ลม ตำแหน่งแปลนบ้านที่ดี จะช่วยให้การอยู่อาศัยนั้นสะดวกสบาย ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยทิศทางแสงแดดจะวิ่งเป็นแนวตะวันออกไปทางทิศใต้แล้วสิ้นสุดที่ทิศตะวันตก เหมาะสำหรับห้องที่สมาชิกในบ้านไม่ได้ใช้เวลาอยู่นานนัก หรือห้องที่ต้องการแสงแดดเพื่อลดความชื้น เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ พื้นที่ซักล้าง ส่วนทิศเหนือเป็นมุมที่ไม่ถูกรบกวนจากแสงแดดมากสามารถวางตำแหน่งให้เป็นห้องนอน และห้องนั่งเล่นได้ ในเรื่องของทิศทางลม บ้านที่ดีควรหันด้านยาวของตัวบ้านเข้าหาลมเพื่อเพิ่มพื้นที่การรับลมธรรมชาติเข้าบ้าน ช่วยระบายความร้านภายใน และลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศ

นอกจากเรื่องของทำเล หรือตำแหน่งที่ต้องรู้ก่อนการสร้างบ้าน  สภาพพื้นที่ก็เป็นเรื่องที่จะต้องรู้ เช่น พื้นที่น้ำท่วมขัง หรืออยู่ในทำเลที่ต่ำกว่าเพื่อนบ้าน ต้องถมดินหรือปรับพื้นที่หรือไม่อย่างไร

  1. งบประมาณในการปลูกสร้าง

การปลูกสร้าง สิ่งที่ต้องรู้และจัดเตรียมไว้ให้พร้อมก็คือเรื่องของงบประมาณ เช่น ต้องการปลูกบ้านภายในงบประมาณไม่เกิน 1 ล้านบาท จะต้องจัดเตรียมงบประมาณสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆเช่น ค่า ค่าแบบบ้าน หรือค่าช่างเขียนแบบ ค่าจ้างช่างตรวจรับงาน ค่าเดินไฟ ค่าน้ำประปา และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างก่อสร้างซึ่งอยู่นอกเหนือจากที่วางแผนไว้

  1. รูปแบบและพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน

เลือกแบบบ้านที่ต้องการ กำหนดขนาดห้องและพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน เช่น กำหนดจำนวนห้อง เช่น ห้องพระ ห้องนอน ห้องครัว ห้องรับแขก และห้องน้ำ เจ้าของบ้านควรให้เวลาศึกษา ทำความเข้าใจแบบบ้านที่ต้องการ เพื่อเป็นพื้นฐานความรู้ระหว่างการพูดคุยวางแผน ทำให้เกิดความราบรื่นมากขึ้น ขนาดพื้นที่ใช้สอย พื้นที่ใช้สอยมีผลต่อการตัดสินใจเลือกแบบบ้าน ควรดูรูปแบบและความสัมพันธ์ของห้อง ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ ความต้องการของสมาชิกในบ้าน เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการพักอาศัยและการใช้งานได้มากที่สุด

  1. การเขียนแบบบ้าน

ในการสร้างบ้านจะต้องมีช่าง มีสถาปนิกหรือวิศวกรทำการออกแบบและเขียนแบบให้ ซึ่งช่างจะเขียนให้ตามรูปแบบที่เราต้องการ หรือให้ช่างออกแบบให้ตามงบประมาณที่เรามี บางกรณีอาจซื้อแบบบ้านสำเร็จรูป หรือขอแบบบ้านฟรี ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าของบ้าน

  1. ประเมินค่าก่อสร้าง(ค่าช่างหรือค่ารับเหมา)

การประเมินค่าก่อสร้าง เมื่อได้แบบบ้านมาแล้ว ควรถ่ายสำเนาไว้หลายๆชุด และนำเสนอช่างให้ตีราคาหลายๆเจ้าหรือหลายบริษัท แล้วนำมาเปรียบเทียบ ราคาที่เหมาะสม

  1. เลือกใช้มืออาชีพอย่างบริษัทรับสร้างบ้าน

บ้านที่ตอบโจทย์ งบไม่บานปลาย และสร้างบ้านแล้วได้บ้านอย่างที่ใจหวังนั้น บริษัทรับสร้างบ้านยังคงเป็นทางเลือกครองใจคนสร้างบ้าน โดยก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน ควรทำความรู้จักแต่ละบริษัท เปรียบเทียบผลงาน ความน่าเชื่อถือ บริการก่อนและหลังสร้างบ้านเสร็จ การดูแลรักษา การตรวจสอบข้อบกพร่องการรับประกันโครงสร้างหลังสร้างบ้าน ใบอนุญาตการดำเนินงานและมาตรฐานของบริษัท รวมถึงเครือข่ายบริษัทวัสดุที่ใช้ในการดำเนินงานก่อสร้าง โดยควรใช้เวลาพิจารณาอย่างค่อยเป็นค่อยไป และรอบคอบมากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดข้อยุ่งยากตามมาในภายหลัง

หากเลือกบริษัทกับเรา โฮมสเปซ178 ทางบริษัทจะทำการขออนุญาตปลูกสร้างบ้านให้ลูกค้า โดยมีการดำการเอกสารขออนุญาตปลูกสร้างบ้าน สามารถดำเนินการต่อสำนักงานเขตท้องถิ่นในพื้นที่ที่กำลังจะสร้างบ้านได้ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการสร้างบ้านที่ถูกต้อง มีมาตรฐาน ไม่สร้างผลกระทบต่อผู้อื่น โดยเอกสารที่เกี่ยวข้องมีดังนี้

  • เอกสารคำขออนุญาตก่อสร้างอาคาร ดัดแปลงอาคารหรือรื้อถอนอาคาร (ข.1)
  • แบบแปลนแผนผัง
  • หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ออกแบบ สถาปนิก วิศวกร พร้อมสำเนาใบอนุญาต
  • สำเนาโฉนดที่ดินที่จะก่อสร้าง
  • สำเนาบัตรประชาชน หรือทะเบียนบ้านเจ้าของอาคาร
  1. ทำสัญญาจ้าง

การจัดทำสัญญาต้องระบุรายละเอียดการจ่ายเงินไว้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น ทำสัญญา วางเงินมัดจำ ไม่เกิน 15% วางผัง งานตอกเสาเข็มแล้วเสร็จ ไม่เกิน 15% งานฐานรากและเสา 15% งานโครงหลังคา 15% งานก่ออิฐทั้งหมด ติดตั้งวงกบประตู-หน้าต่าง 15% งานฉาบปูนภายนอกทั้งหมด ติดตั้งฝ้าเพดาน บานประตู-หน้าต่าง วัสดุพื้นผิว สุขภัณฑ์ มุงหลังคารอบล่าง งานไฟฟ้าประปาทั้งหมด ไม่เกิน 15% ตรวจรับงาน 10%

  1. ช่วงเวลาและขั้นตอนของการสร้างบ้าน

การกำหนดระยะเวลาของการสร้างบ้าน จะช่วยให้สามารถวางแผนล่วงหน้าในงานก่อสร้างขั้นตอนต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ไร้ปัญหาระหว่างงาน เพราะหากระยะเวลาก่อสร้างยืดเยื้อ ช่วงเวลาการทำงานไม่เป็นระบบ ไม่รู้ขอบเขตงานที่แน่นอน อาจมีปัจจัยอื่นที่ก่อให้เกิดปัญหาลากยาวไม่สิ้นสุดตามมา เช่น ฤดูกาลทำให้บางขั้นตอนของงานสร้างใช้เวลามากกว่าปกติ การดำเนินการด้านเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสร้างบ้านไม่รองรับขั้นตอนการดำเนินงาน รวมถึงการเตรียมงบประมาณสำหรับจ่ายในขั้นตอนต่างๆ

  1. ตรวจรับงาน

การตรวจรับงาน หากไม่ได้ว่าจ้างวิศวกรเป็นผู้ตรวจรับ ควรศึกษาหรือหาข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการตรวจรับงานด้วยตนเองอย่างเข้าใจ

หากเป็นบริษัทดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ทำความสะอาด พร้อมย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย

อ้างอิง : https://srang-baan.com